เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2568 เวลา 13:20 น. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ถนนวิภาวดี น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายจักรพงษ์ แสงมณี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และนายพงษ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รองหัวหน้าพรรค เพื่อแถลงข่าวเปิดตัวสมาชิกใหม่ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งประกอบไปด้วยสมาชิกจากหลากหลายพรรคการเมือง ครอบครัวม่วงศิริยกทีมเข้าร่วมพรรคเพื่อไทย สมาชิกใหม่ที่ได้ย้ายเข้าร่วมพรรคเพื่อไทยในครั้งนี้ ได้แก่: การเข้าร่วมพรรคเพื่อไทยของครอบครัวม่วงศิริถือเป็นการขยายฐานการเมืองของพรรคในเขตพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานครที่มีความสำคัญในการเลือกตั้งครั้งหน้า ทั้งนี้ มีการจัดพิธีการสวมเสื้อพรรคเพื่อไทยให้กับสมาชิกใหม่ พร้อมกับการต้อนรับสมาชิกเหล่านี้เข้าสู่พรรคด้วยความอบอุ่น ความสำคัญของการขยายฐานสมาชิกในกรุงเทพฯ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญกับการบริหารงานในทุกๆ เขตเลือกตั้ง รวมทั้งท้องถิ่น โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานครที่มีฐานประชากรจำนวนมาก ซึ่งการเพิ่มสมาชิกใหม่จากครอบครัวม่วงศิริจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งของพรรค เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะสมาชิกที่มีประสบการณ์ในการทำงานภาคประชาชน เช่น นายสารัช ม่วงศิริ ส.ก.จากเขตบางขุนเทียน และนายณรงค์ศักดิ์ ม่วงศิริ ส.ก.จากเขตบางบอน ซึ่งเป็นบุคคลที่ได้รับการยอมรับจากประชาชนในพื้นที่มาอย่างยาวนาน และสามารถทำงานร่วมกับพรรคเพื่อไทยได้อย่างราบรื่น พรรคเพื่อไทยมุ่งมั่นในความต่อเนื่องของการทำงาน น.ส.ธีรรัตน์ยังกล่าวถึงการทำงานที่ต่อเนื่องของพรรคเพื่อไทยว่า การขยายฐานสมาชิกในครั้งนี้เป็นสิ่งที่แสดงถึงความเชื่อมั่นจากประชาชนในพรรคเพื่อไทย โดยพรรคมีเป้าหมายในการสร้างความมั่นคงและความพึงพอใจให้กับประชาชนในกรุงเทพฯ รวมทั้งในพื้นที่ต่างจังหวัด โดยพรรคจะทำงานอย่างเต็มที่เพื่อให้การดำเนินงานนโยบายต่างๆ […]
Lưu trữ tác giả: Techmars Key
รัฐสภาเห็นชอบการแก้ไขข้อบังคับการประชุม เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2568 การประชุมร่วมรัฐสภาได้มีการพิจารณาหลักการของร่างข้อบังคับการประชุมรัฐสภา (ฉบับที่…) พ.ศ. … โดยเสนอโดยนายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อจากพรรคประชาชน ซึ่งมีการแก้ไข 3 ประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะประเด็นการเปิดทางให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในคณะกรรมาธิการ (กมธ.) แก้รัฐธรรมนูญ ประเด็นการเปิดทางประชาชนเข้าร่วม กมธ. ร่างข้อบังคับที่เสนอมีข้อเสนอหลักเกี่ยวกับการเปิดพื้นที่ให้ประชาชนสามารถมีส่วนร่วมในกระบวนการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยการเสนอให้บุคคลภายนอกที่ไม่ใช่สมาชิกรัฐสภาสามารถเสนอชื่อเข้าร่วมเป็น กมธ. ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยให้การพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญมีความรอบคอบและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการเปิดโอกาสให้ภาคประชาสังคมและผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญที่ไม่ได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) หรือสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เข้ามามีส่วนร่วม ความเห็นจาก ส.ว. และ ส.ส. ที่ไม่เห็นด้วย ในขณะที่หลายฝ่ายเห็นชอบกับการเปิดทางให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม แต่บางฝ่ายก็แสดงความไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะ ส.ว. และ ส.ส. จากพรรคการเมืองต่างๆ เช่น พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่เห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องสำคัญและควรจะให้สิทธิแก่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในการดำเนินการ ส.ว. รัชนีกรแสดงความกังวลเกี่ยวกับการแก้ไข หนึ่งใน ส.ว. ที่แสดงความกังวลคือ น.ส.รัชนีกร ทองทิพย์ […]
ตำรวจแจ้ง 2 ข้อหาหนักกรณีรถเก๋งชนไรเดอร์อัดกระแทกเสาเสียชีวิต ยืนยันไม่พบแอลกอฮอล์หรือสารเสพติดในตัวผู้ก่อเหตุ พร้อมรวบรวมหลักฐานดำเนินคดีอย่างรัดกุม แจ้งข้อหาหนัก กรณีเก๋งชนไรเดอร์เสียชีวิตในสุขุมวิท จากกรณีรถยนต์โตโยต้า อัลติสชนไรเดอร์จนเสียชีวิตในย่านสุขุมวิท ตำรวจสามารถจับกุมผู้ขับขี่รถยนต์ได้ และได้แจ้ง 2 ข้อหาหนัก ได้แก่ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น เหตุการณ์ครั้งนี้สร้างความโศกเศร้าให้แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต โดยเฉพาะภรรยาที่สูญเสียเสาหลักของครอบครัว รายละเอียดเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2568 ตำรวจนครบาลได้รับแจ้งเหตุรถเฉี่ยวชนในย่านสุขุมวิท ส่งผลให้ไรเดอร์ นายฤทธิศักดิ์ (นามสมมติ) อายุ 48 ปี เสียชีวิต ส่วนผู้ขับรถยนต์ นายเสรี (นามสมมติ) อายุ 30 ปี ได้หลบหนีไปก่อนจะถูกจับกุมที่แยกนานา สุขุมวิทซอย 4 ชนวนเหตุของเหตุการณ์ รถทั้งสองคันเฉี่ยวชนกันก่อน เกิดการโต้เถียงหลังผู้เสียชีวิตถ่ายรูปทะเบียนรถยนต์และเคาะกระจกรถ ผู้ขับขี่รถยนต์ได้ถีบรถจักรยานยนต์จนล้ม ผู้ก่อเหตุขับรถไล่ตามและพุ่งชนจนผู้เสียชีวิตอัดกระแทกเสาเสียชีวิตในที่สุด ผลตรวจและการดำเนินคดี พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. เปิดเผยว่า ได้ตรวจหาแอลกอฮอล์และสารเสพติดในตัวผู้ก่อเหตุ ไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด การเก็บหลักฐานและพยาน ยึดรถคันก่อเหตุไว้เป็นของกลาง สอบปากคำพยานในที่เกิดเหตุ […]
อาหารไทยส่งออกสวิตเซอร์แลนด์ได้รับความนิยมอย่างสูง สะท้อนถึงศักยภาพสินค้าไทยในตลาดโลก พร้อมโอกาสขยายการส่งออกที่รัฐบาลไทยมุ่งสนับสนุน อาหารไทยส่งออกสวิตเซอร์แลนด์: กระแสความนิยมที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง วันที่ 21 มกราคม 2568 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางสำรวจซูเปอร์มาร์เก็ตในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ร่วมกับทีมไทยแลนด์ โดยพบว่าผลิตภัณฑ์อาหารไทย เช่น น้ำแกงพร้อมปรุงจาก Blue Elephant วางจำหน่ายในพื้นที่เมืองดาวอส ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความนิยมในอาหารไทยแม้ในเมืองเล็กๆ นายกฯ ระบุว่า ความต้องการอาหารไทยในตลาดสวิตเซอร์แลนด์เป็นโอกาสสำคัญที่ประเทศไทยสามารถใช้ในการขยายการส่งออกสินค้าอาหาร พร้อมเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ผสมผสานนวัตกรรมและรสชาติไทยแท้ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลก เหตุผลที่อาหารไทยส่งออกสวิตเซอร์แลนด์ได้รับความนิยม รสชาติอาหารไทยที่เป็นเอกลักษณ์ อาหารไทยมีรสชาติหลากหลายและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป เช่น น้ำแกงพร้อมปรุงที่ช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้บริโภค การสนับสนุนจากรัฐบาลไทย รัฐบาลไทยมุ่งมั่นสนับสนุนการส่งออกอาหารไทย โดยเน้นการพัฒนาคุณภาพสินค้าและส่งเสริมผ่านโครงการนวัตกรรมอาหาร ความต้องการอาหารเอเชียในยุโรป ตลาดยุโรป รวมถึงสวิตเซอร์แลนด์ มีความต้องการผลิตภัณฑ์อาหารเอเชียสูง ทำให้สินค้าไทยมีศักยภาพในการแข่งขัน รัฐบาลไทยผลักดันอาหารไทยส่งออกสวิตเซอร์แลนด์อย่างไร นายกรัฐมนตรีระบุว่ารัฐบาลไทยจะสนับสนุนการขยายตลาดส่งออกอาหารไทย โดยเฉพาะการพัฒนานวัตกรรมอาหารและการทำการตลาดเชิงรุกในต่างประเทศ เพื่อสร้างโอกาสและเสริมสร้างภาพลักษณ์ของประเทศไทย สรุป อาหารไทยส่งออกสวิตเซอร์แลนด์ไม่เพียงแค่แสดงถึงศักยภาพของผลิตภัณฑ์ไทย แต่ยังเป็นโอกาสสำคัญสำหรับการขยายตลาดในระดับโลก ด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลและภาคเอกชน อาหารไทยจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการบริโภคทั่วโลก
“ทรัมป์เริ่มต้นการดำรงตำแหน่งด้วยนโยบายใหม่ 10 ข้อที่ส่งผลกระทบทั้งในระดับโลกและไทย รวมถึงการถอนตัวจากข้อตกลงปารีสและองค์การอนามัยโลก (WHO) อ่านรายละเอียดที่นี่” นโยบายใหม่ 10 ข้อจากประธานาธิบดีทรัมป์ที่สร้างผลกระทบสำคัญต่อเศรษฐกิจและการเมืองในไทย เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2568 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เริ่มต้นการทำงานในตำแหน่งประธานาธิบดีด้วยการออกคำสั่งฝ่ายบริหารที่ส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งทั้งในระดับโลกและประเทศไทย โดย 10 นโยบายใหม่ที่ทรัมป์ประกาศใช้มีดังนี้: 1. ถอนตัวจากข้อตกลงปารีส ทรัมป์ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงปารีสเพื่อแก้ไขปัญหาโลกร้อน และสนับสนุนการเพิ่มการผลิตพลังงานจากฟอสซิล โดยมองว่าข้อตกลงนี้ไม่ตอบสนองผลประโยชน์ของสหรัฐฯ และใช้งบประมาณจากภาษีประชาชนไม่เหมาะสม 2. ถอนตัวจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ทรัมป์วิจารณ์ WHO สำหรับการจัดการวิกฤตโควิด-19 ว่าล้มเหลวและอยู่ภายใต้อิทธิพลทางการเมือง โดยประกาศยุติการสนับสนุนทางการเงินแก่ WHO 3. ยึดกรีนแลนด์และคลองปานามา ทรัมป์ยืนยันถึงความจำเป็นในการควบคุมกรีนแลนด์เพื่อความมั่นคงของสหรัฐฯ และยึดคลองปานามาคืนเพื่อป้องกันการขยายอิทธิพลของจีน 4. ขึ้นภาษีสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโก 25% สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับแคนาดาและเม็กซิโกกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง โดยทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสองประเทศนี้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 5. อภัยโทษผู้ก่อจลาจลบุกคองเกรส ทรัมป์ให้อภัยโทษแก่ผู้สนับสนุนที่ก่อเหตุจลาจลในวันที่ 6 มกราคม 2021 จำนวนมากกว่า 1,500 คน 6. […]
“ประเด็นที่ร้อนแรงในวงการบันเทิง! ช่างภาพดังขุดรูปงานแต่งแสตมป์-นิว โพสต์ถาม ‘อะไรหายไป?’ แล้วได้รับการวิจารณ์รุนแรงจากชาวเน็ต และลบโพสต์ในที่สุด” วิจารณ์สนั่น! เหมาะสมไหม ‘ช่างภาพดัง’ ขุดรูปงานแต่งแสตมป์-นิว โพสต์ถามอะไรหายไป? วันที่ 20 มกราคม 2568 ประเด็นที่ถูกวิจารณ์อย่างหนักในวงการบันเทิงคือการกระทำของช่างภาพดังที่ขุดรูปงานแต่งของแสตมป์ – อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข และ นิว – จีริสุดา ศรีวัฒน์ มาถามในโพสต์ว่า “อะไรหายไป?” ซึ่งโพสต์นี้ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตอย่างรวดเร็ว ที่มาของเรื่องราว ก่อนหน้านี้แสตมป์ – อภิวัชร์ ได้แฉบนเวทีคอนเสิร์ตเกี่ยวกับกรณีที่เขาถูกคุกคามและกล่าวหาว่าเป็นบ้า รวมทั้งยอมรับว่าเคยนอกใจภรรยา นิว – จีริสุดา ไปมีความสัมพันธ์กับสไตลิสต์ แจม จิณณ์ณิตา จนทำให้เรื่องนี้ขึ้นศาล และมีการเปิดเผยเรื่องราวบางส่วนเกี่ยวกับข้อกล่าวหาทางการเมืองของแสตมป์ ช่างภาพดังโพสต์รูปงานแต่งแสตมป์-นิว ช่างภาพที่มีชื่อเสียงและมีผลงานถ่ายภาพให้กับดาราดังจำนวนมาก ได้แชร์ภาพงานแต่งงานของแสตมป์และนิวที่จัดขึ้นในปี 2015 พร้อมข้อความว่า “เรื่องราวเป็นอย่างไรไม่รู้ครับ แต่ที่แน่ๆ พี่แตมกับพี่นิว น่ารักกับผมและทีมงานตลอดเวลาครับ” และได้โพสต์คำถามเพิ่มเติมว่า “คิดว่ากรณีนี้ อะไรหายไปครับ?” การวิจารณ์จากชาวเน็ต หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป […]
งานแต่งงานของบ่าว-สาววัย 60 กว่า ที่ตัดสินใจจูงมือเข้าประตูวิวาห์ เชื่อว่าการพบกันในครั้งนี้เป็นวาสนาจากชาติปางก่อน หลังจากความรักที่ยาวนานและเรื่องราวที่ไม่ธรรมดา การจัดงานแต่งงานที่อบอุ่นและเต็มไปด้วยความสุข งานแต่งงานในครั้งนี้เรียกได้ว่าเต็มไปด้วยความอบอุ่นและบรรยากาศที่มีเสน่ห์ มีญาติสนิทและเพื่อนๆ ของทั้งสองฝ่ายมาร่วมแสดงความยินดีอย่างล้นหลาม ขบวนแห่ขันหมากจากเจ้าบ่าวต้องผ่านประตูเงินและประตูทองตามขนบธรรมเนียมประเพณีไทย เจ้าบ่าวได้มอบสินสอดเป็นเงินสดจำนวน 200,000 บาท และสร้อยข้อมือทองคำหนัก 2 บาท เพื่อเป็นสัญญาณของความรักและการยอมรับซึ่งกันและกัน จุดไฮไลต์ของงานแต่งงาน: เปิดเผยเหตุผลการตัดสินใจแต่งงาน สาเหตุการตัดสินใจแต่งงานในวัยเกษียณ สิ่งที่ทำให้เรื่องราวนี้พิเศษคือการเปิดเผยของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวในงานพิธี พวกเขาได้กล่าวถึงเหตุผลที่ทำให้พวกเขาตัดสินใจแต่งงานในวัยที่มากแล้ว ซึ่งทั้งคู่เคยมีครอบครัวมาก่อน แต่คู่ครองของทั้งสองคนได้จากไปแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ปี ทำให้ทั้งคู่ต้องใช้เวลานานในการค้นหาความรักอีกครั้งในชีวิต ความคล้ายคลึงที่ไม่ธรรมดา: เรื่องราวจากชีวิตคู่ก่อน นางอุไรวรรณได้เล่าถึงเหตุผลที่ทำให้เธอตัดสินใจแต่งงานกับนายภักดี โดยกล่าวว่าเธอพบว่ามีหลายอย่างที่เหมือนกับคู่ครองเก่าของเธอ เช่น ชื่อ วันเดือนปีเกิด และแม้กระทั่งอายุที่เหมือนกัน จึงทำให้เธอเชื่อว่าการพบกันในครั้งนี้เป็นวาสนาจากชาติปางก่อน และเธอคิดว่าการตัดสินใจแต่งงานครั้งนี้คือการพบรักที่มีความหมายลึกซึ้งในชาตินี้ เชื่อในวาสนา: นายภักดีและการตัดสินใจแต่งงาน ส่วนทางด้านนายภักดี เจ้าบ่าวกล่าวว่าเขาเองก็เชื่อใน “วาสนา” และในตอนที่เขาได้พบกับนางอุไรวรรณ เขารู้สึกว่าเธอมีความคล้ายคลึงกับคู่ครองเก่าที่เขารักและเคยใช้ชีวิตด้วย เขามีความประทับใจในตัวเธออย่างลึกซึ้งและตัดสินใจขอแต่งงาน โดยเขาหวังว่าเขาจะได้ดูแลเธอและมอบชีวิตคู่ที่สุขสบายในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ ความหมายของการแต่งงานในวัยเกษียณ ความรักที่ไม่ขึ้นกับเวลา งานแต่งงานในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของทั้งคู่ แต่ยังเป็นการส่งเสริมความเชื่อที่ว่าความรักที่แท้จริงสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา แม้ว่าจะอยู่ในช่วงวัยที่สูงแล้วก็ตาม งานนี้ทำให้หลายคนประทับใจและเห็นความสำคัญของความรักในวัยที่ไม่ต้องมีเวลามากมาย แต่ก็ยังสามารถมีความสุขร่วมกันได้ สร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกคน […]
วันที่ 21 มกราคม นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ประกาศขยายระยะเวลา Work from Home (WFH) ถึงวันที่ 24 มกราคม 2568 เพื่อช่วยลดการเดินทางและลดปริมาณฝุ่น PM2.5 ที่มีความหนาแน่นเกินมาตรฐานในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ขยายเวลา WFH ถึง 24 มกราคม เนื่องจากสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ยังอยู่ในระดับที่ไม่ปลอดภัย กทม. จึงตัดสินใจขยายระยะเวลา WFH จากเดิมที่กำหนดไว้ในวันที่ 20-21 มกราคม ไปจนถึงวันที่ 24 มกราคม หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น โดยการขยายเวลา WFH นี้เป็นการลดการเดินทางและการใช้งานรถยนต์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของฝุ่นในเมืองกรุงเทพฯ สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ในกรุงเทพฯ ในการติดตามปริมาณฝุ่นละออง PM2,5 พบว่า เมื่อวันที่ 20 มกราคม ในช่วงเวลา 07:00 น. ฝุ่นเกินมาตรฐานในทั้ง 50 […]
เหตุระเบิดในภาคใต้เพิ่มขึ้นและสะท้อนถึงผลพวงจากการลดการใช้กฎหมาย. นายภูมิธรรมเรียกร้องทบทวนยุทธศาสตร์ดับไฟใต้เพื่อแก้ไขปัญหาความรุนแรง. เหตุระเบิดใต้: ผลพวงจากการลดการใช้กฎหมาย ในวันที่ 14 มกราคม 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้กล่าวถึงเหตุการณ์ระเบิดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นผลพวงจากการลดการใช้กฎหมายและยุทธศาสตร์การจัดการความรุนแรงที่ไม่เหมาะสม. เหตุการณ์ระเบิดในอำเภออาเนาะรู จังหวัดปัตตานีเมื่อวันที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา และเหตุการณ์ระเบิดที่อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส ทำให้เกิดความสูญเสียและเพิ่มความเสี่ยงในพื้นที่ดังกล่าว. การลดการใช้กฎหมาย: สาเหตุของความรุนแรง นายภูมิธรรมได้ชี้แจงว่า การลดการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในบางพื้นที่เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงมากขึ้น. การปรับลดการใช้กฎหมายในพื้นที่ที่ยังคงมีความเสี่ยงสูงทำให้ขบวนการที่เกี่ยวข้องสามารถดำเนินการได้อย่างอิสระ, ทำให้เกิดเหตุระเบิดและความรุนแรงต่อเนื่อง. ถึงเวลาทบทวนยุทธศาสตร์ดับไฟใต้ ในมุมมองของนายภูมิธรรม, การเจรจาเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการแก้ไขปัญหาความรุนแรงในภาคใต้ แต่ต้องมาพร้อมกับผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม. เขากล่าวว่า หากยังคงดำเนินการในวิธีเดิมที่มีการปะทะกันระหว่างฝ่ายที่เจรจาและฝ่ายที่ใช้ความรุนแรง, ความรุนแรงจะยังคงเกิดขึ้น. เขาเรียกร้องให้มีการทบทวนยุทธศาสตร์ดับไฟใต้โดยเร่งด่วนเพื่อปรับปรุงวิธีการที่ใช้ในการแก้ไขปัญหาความรุนแรง. การตรวจสอบสาเหตุและข้อจำกัดในยุทธศาสตร์ดับไฟใต้ นายภูมิธรรมได้สั่งการให้ทีมที่ปรึกษาจากทั้งฝ่ายทหารและตำรวจตรวจสอบสาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อหาทางออกที่เหมาะสมในการปรับยุทธศาสตร์. เขาเน้นย้ำว่า การทบทวนยุทธศาสตร์จะช่วยระบุข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นในกระบวนการปฏิบัติการ และจะต้องมีการปรับปรุงกลยุทธ์เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการจัดการปัญหาความรุนแรงในอนาคต. การลงพื้นที่เพื่อประเมินสถานการณ์ เมื่อถูกถามถึงการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีในวันที่ 16 มกราคม, นายภูมิธรรมยืนยันว่าจะเข้าร่วมการลงพื้นที่เพื่อพิจารณารายละเอียดของเหตุการณ์และมาตรการรักษาความปลอดภัย. เขากล่าวว่า เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ต้องมั่นใจว่ามาตรการรักษาความปลอดภัยจะดำเนินการอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันเหตุการณ์รุนแรงเพิ่มเติม.
ปราบสินค้าผิดกฎหมาย ‘สุรา’ หนีภาษีอันดับ 1 พร้อมนำเงินส่งคลัง 445 ล้าน ผลการปราบปรามสินค้าผิดกฎหมายปี 2567 พบว่า “สุรา” เป็นสินค้าที่ถูกจับกุมสูงสุด พร้อมส่งเงินเข้าคลัง 445 ล้าน. อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในบทความนี้. การปราบปรามสินค้าผิดกฎหมาย “สุรา” และ “ยาสูบ” หนีภาษี เมื่อวันที่ 14 มกราคม นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการดำเนินงานของกรมสรรพสามิตในการปราบปรามสินค้าผิดกฎหมายในปี 2567 โดยพบว่า การจับกุมสินค้าผิดกฎหมายเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับปี โดยเฉพาะสินค้าหลักอย่าง “สุรา” ซึ่งยังคงเป็นสินค้าที่หนีภาษีอันดับ 1 ที่กรมสรรพสามิตจับกุมได้มากที่สุด. ยอดจับกุม “สุรา” และ “ยาสูบ” เพิ่มขึ้นในปี ในปี การจับกุมสินค้าผิดกฎหมายเพิ่มขึ้นกว่า 33% เมื่อเทียบกับปี 2566 โดยการจับกุม “สุรา” มีจำนวนถึง 16,085 คดี เพิ่มขึ้น 16.11% โดยส่วนใหญ่เป็นสุราผิดกฎหมายทั้งในประเทศและต่างประเทศ. การจับกุมสุราในประเทศมีจำนวนมากกว่า […]